เรื่องของความรักที่เราส่งถึงกันระหว่างสังขารกับสังขาร อันเป็นสังขารในขันธ์ ๕นั้น เช่นความรักที่ลูกมีต่อพ่อแม่ ความรักระหว่างระหว่างนาย ก.ต่อ นาย ข. ความรักระหว่างสามีกับภรรยา นั้นเราถือเป็นความรักที่แสดงออกมาในลักษณะ อัตตา ต่ออัตตา เป็นความรักต่อตัวตนต่อตัวตนที่กำหนดต่อสังขารชัดเจน หรือในแง่มุมฟิสิกส์ เป็นความรักระดับอนุภาคต่ออนุภาคที่จำกัดจำนวน ซึ่งความรักลักษณะนี้จะเป็นความรักที่มีอานุภาพน้อย ในทางตรงข้ามความรักของโลกวิญญาณที่มีกลับต่อเรานั้นเป็นลักษณะของพลังงาน หรือรังสีความรักในระดับปรามณู พลังที่ส่งมาหาเราในระดับวิญญาณนั้นจึงมีอานุภาพสูงกว่ามาก การที่เราได้มีโอกาสบูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ย่อมเป็นการที่เราแสดงความรักความกตัญญูจากเราไปสู่โลกวิญญาณจึงเป็นการส่งความรักในลักษณะอัตตาสู่อนัตตา ย่อมจะมีอานุภาพสูงกว่าอัตตา ต่อ อัตตา ยิ่งหากเราสามารถแผ่เมตตา หรืออธิฐานส่งไปด้วยจิตที่ลึกที่สุด หรือเรา ปฏิบัติจนได้องค์ฌาน องค์ญาณ จนเกิดเป็นรังสีความรัก เรียกว่าส่งไปด้วยรังสีวิญญาณสู่โลกวิญญาณ ก็จะเป็นการส่งไปในลักษณะปรามณูสู่ปรามณู เมื่อโลกวิญญาณส่งรังสีความรักกลับมาในระดับปรามณู และเราก็มีตัวมโนสัมผัสรับได้ระดับปรามณูเช่นกัน ก็ย่อมจะมีอานุภาพสูงสุดประมาณมิได้ เรียกว่าทำบุญต้องถูกวิธี อธิฐานส่งรังสีจิตถูกวิธีผลลัพธ์ที่ได้กลับจะมาเต็มประสิทธิภาพ