สำนักสหปฏิบัติฯ


        เป็นที่แน่นอนว่าสังคมในปัจจุบันยอมรับคนที่มีความสามารถในการทำงาน รวมทั้งในส่วนของความรู้ ระดับการศึกษา มนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่น มีความกล้าที่จะแสดงออกและ มีความคิดสร้างสรรค์ ถึงเวลาต้องเป็นผู้นำก็ต้องเป็นผู้นำที่ดี ถึงเวลาเป็นผู้ตามก็ต้องเป็นผู้ตามที่ดี  แต่เราก็ต้องยอมรับว่าคนที่มีความสามารถหลายคนก็ไปไม่ตลอดลอดฝั่งเหมือนกัน เรียกว่าเป็นม้าตีนต้น  บางคนถึงกับหมดเนื้อหมดตัว ล้มละลายไปก็มี อะไรเป็นต้นเหตุของของสิ่งเหล่านั้น เรียกว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งสู่เมรุ  เป็นที่ยอมรับกันในมาตรฐานสากลว่าว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้จะต้องมีปัจจัยที่สำคัญสองประการคือ “ความสามารถ”  มาบรรจบกับ“โอกาส”  ความสามารถนั้นคนเราสามารถรับรู้และพัฒนาได้ในส่วนของรูปธรรม แต่เรื่องของโอกาสคนหลายคนมีความสามารถหรือที่เรียกว่ามีศักยภาพมีความเก่งแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในชีวิตการงานเสียที  ไม่มีโอกาสที่จะทำกิจการเป็นของตัวเองเสียที โอกาสนั้นมันหายไปไหน  ในเรื่องเหนือสามัญวิสัยสิ่งที่ต้องมีมาประกบคู่อยู่เสมอคือจิตศักดิ์สิทธิ์ หรือ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดจากการเรียนรู้หลักธรรมที่แท้ รู้จักกรรม รู้ถึงกลไกกรรม รู้จักและเข้าใจในเทพ รู้จักการทำบุญที่ตรงกับหนี้กรรม รู้จักบริหารกรรม สามารถพัฒนาความรู้จากจิตนึกคิดสู่ ตัวรู้ในองค์ธรรมระดับวิญญาณคือองค์ฌาน องค์ญาณ เมื่อเราเข้าถึงสัญญากรรม ชนกกรรม หรือ หนี้กรรมที่ตรงกับสัญญากรรมในอดีตภพอดีตชาติ รวมทั้งตรงกับปัจจุบันกรรมที่สอดคล้อง ยิ่งหากสามารถรู้ถึงเงื่อนปมต่างๆก็จะช่วยคลี่คลายเกิดเป็นภาวะที่เรียกว่าศักดิ์สิทธิ์หรือที่เรียกว่าเฮง นั่นคือคนเรามีเก่งอย่างเดียวนั้นไม่พอต้องมีเฮงหรือศักดิ์สิทธิ์ด้วย ทางโลกก็จะค่อยๆเปิด บุญเก่าของเราก็จะค่อยๆ มาด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ หรือเทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อย่างต่อเนื่องตามเวลาของกฏแห่งกกรม คำว่า“โอกาส” ที่รอคอยก็จะมาถึงในไม่ช้า วันนี้เราจึงควรหันมาพิจารณาตัวเราเรามีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุงทั้งทางโลกภายนอกสามัญวิสัยเราควรเร่งพัฒนาศักยภาพให้สอดคล้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีสูง  และเร่งพัฒนาความศักดิ์สิทธิ์ให้สอดคล้องกับศักยภาพ เร่งพัฒนาความรู้ในทางใน อันเหนือสามัญวิสัยไม่ควรประมาทว่ามีเพียงศักยภาพ หรือศักดิ์สิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ