สำนักสหปฏิบัติฯ

เทพคุ้มครอง เทพครอบครอง
          คงจะเป็นการดีหากเทพนั้นมาคุ้มครองเรา เราคงจะมั่นใจขึ้นได้มากว่ายังไงก็ต้องเป็นสิ่งดีแน่หากเทพท่านมาคุ้มครองเรา คุ้มครองจากอันตราย คุ้มครองเราจากสิ่งไม่ดีไม่งามที่จะมาทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น  เพราะเทพนอกจากท่านจะมาคุ้มครองเราแล้วท่านก็ยังถือสิทธิ์มาครอบครองเราด้วย เทพมาช่วยเราเพราะเงื่อนผูกพันธ์ในสัญญากรรม แต่ เราก็ต้องรู้จักกติกาแห่งเทพว่าท่านจะช่วยเราได้ในเงื่อนไขใดบ้าง ในแง่ของอภิสังขารถือได้ว่า แม้เราจะเป็นเจ้าของสังขารของเราเอง แต่เทพท่านก็เป็นเจ้าของอภิสังขารของเรา หมายความว่าเราจะทำสิ่งใดก็ต้องอยู่ในกรอบของเทพ จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ เพราะเรามีทั้งกรรมดีของเราเองคือส่วนของปุณญาภิสังขาร และกรรมชั่วติดตัวมาตั้งแต่เกิดในอปุณญาภิสังขาร อาจร่วมกับโอปาปติกะ สัมปเวสี เช่นเทวดาใน ๖ ชั้นฟ้าที่มีสัญญากรรมเกี่ยวเนื่องกับท่านสืบต่อมา อันนี้เป็นพันธะของเราที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญากรรมของเรา หากเราขาดตัวรู้ วางตัวหรือปฏิบัติไม่ได้ตามสัญญากรรม ยิ่งถ้าขาดตัวรู้เรื่องการบริหารกรรม และหมดเวลาเสวยบุญในช่วงเวลาของกฏแห่งกรรม ชีวิตคงมีความเสี่ยงไม่น้อยที่จะต้องมาพบกับความยากลำบากในที่สุด ท่านก็ต้องวางอุเบกขากับเราเลิกคุ้มครองเรา ในช่วงเวลานี้ชีวิตเราจึงมีโอกาสพบกับความยากลำบาก การรับใช้เทพในเป็นร่างทรงในขั้นแรก เทพท่านจะมาเป็นรังสีเราต้องใช้ฌานและใช้ปัญญาในองค์ญาณปรับจนเป็นการแสดงออกในรูปธรรมชาติที่เรียกว่าเป็นสื่อ การที่จะให้เทพท่านมาคุ้งครองเราในช่วงที่กรรมชั่วกำลังส่งผลทำได้แต่โดยการเล่นเกมกลกรรมกับเทพ  เราต้องปรับอภิสังขารโดยต้องปรับปุณญาภิสังขารกับอปุญญาภิสังขารให้เป็นอเนญชาภิสังขารโดยการปรับด้วยตัวเองนั้นของมีระดับพลังงานในระดับมโนมยิทธิในจิตที่เป็นประภัสสรซึ่งทำได้ก็จะจัดอยู่ในระดับสื่อแต่การเกิดจะเกิดได้ช้า หากเทพนำปุณญาภิสังขารมาปรับช่วยเราได้เราทำกรรมดีผ่านกติกาแห่งเทพ  โดยท่านจะมาปรับเราได้แม้ในขั้นจิตตรานุภาพหรือขั้นจิตศักดิ์สิทธิ์โดยจะเกิดได้เร็วกว่าขั้นมโนมยิทธิมาก โดยเทพดีจะมาเพิ่มเสริมปุณญาภิสังขาร หรือมาลดบาปหรือปรับเปลี่ยนบาปให้เป็นกลางหรือ อเนญชาภิสังขาร  หากเราปรับไม่ได้ หรือขาดตัวรู้ก็จะเกิดเป็นกรรมเก็บกด เราก็จะลำบากได้ หากเราจะปฏิบัติตามเทพท่านไปเสียทุกอย่างเพียงหวังเพื่อให้เทพท่านคอยคุ้มครองโดยไม่ใช้สติความคิดพิจารณาเลยว่าสอดคล้องกับทางโลกหรือไม่ก็ถือเป็นทางหย่อนเช่นเทพสั่งให้ทานเจ สั่งให้เปลี่ยนอาชีพ ห้ามแต่งาน ให้แต่งชุดขาวตลอดชีวิต ฯลฯ ในขณะเดียวกันการปฏิเสธต่อต้านเทพท่านอย่างรุนแรง ไม่รับ ไม่ฟัง ไม่เชื่อ ก็ถือเป็นทางตึงก็ผิดประสงค์ของมหาเทพเช่นกัน บางครั้งเทพที่ดีก็มาช่วยเสริมมาคุ้มครอง เทพที่ไม่ดีก็มีก็จะมาหลอกมาทำร้ายมาครอบครองเราและมาก่อให้เกิดปัญหากับเราได้ในที่สุด พระพุทธศาสนาสอนให้เราเดินสายกลาง แท้จริงแล้วเราสามารถต่อรองกับเทพได้ในกฏเกณฑ์กติกาแห่งเทพ เราจึงควรคิด พิจารณา เรื่องเทพเทวดาด้วยปัญญา ด้วยศิลปะ ชีวิตก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ในที่สุด