· ครั้นทรงมีอายุ ๒๙ พรรษาทรงเสด็จทอดพระเนตรเห็น เทวทูต ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ บรรพชิต
· พระอุทยานรมณียสถานอันเทพเนรมิต
· พระราหุลกุมารประสูติทรงตรัสว่า “บ่วงบังเกิดแล้ว และได้ตัดขาดการเกิดของเราในบัดนี้”มีการเฉลิมฉลองทั่วทั้งพระนคร
· นางกีสาโคตมียืนหน้าต่างกล่าวชมเชยยกย่องว่าเจ้าชาย" คงดับทุกข์ให้กับ พระบิดา มารดา ภรรยา ได้"เจ้าชายได้ยินจึงประจักจิตว่าต้องออกบรรพชาคือทางดับทุกข์ ทรงเชื่อว่า
ไฟ คือราคะ ดับเชื่อว่าความดับทุกข์ก็มีได้
ไฟ คือ โทสะ ดับเชื่อว่าความดับทุกข์ก็มีได้
ไฟ คือโมหะ ดับเชื่อว่าความดับทุกขืก็มีได้
เมื่อความเร่าร้อนในกิเลสทั้งปวง มีมานะและทิฏฐิเป็นต้นดับแล้ว เชื่อว่าความดับทุกข์ก็มีได้ ทรงมอบสร้อยมุกให้นางตัดสินพระทัยออกบรรพชาคืนวันที่ราหุลประสูติ
เสด็จออกจากเมืองกบิลพัสดุ์
พระยามัสสวดีมาราชาธิราช ขัดขวางการเสด็จออกบรรพชา โดยยุให้อยู่เป็นฆาราวาสต่อ แต่ไม่สำเร็จ
คืนออกบรรพชาเสด็จด้วย ม้ากัณฐกะ และนายฉันนะ ข้ามพ้นขอบขัณฑสีมาทั้ง ๓ คือกบิลพัทดุ์ นครสาวัตถีและนครเวสาลี จนถึงแม่น้ำ อโนมานที บรรลุถึงแม่น้ำอโนมานที ทรงตัดพระโมลีแล้วอธิฐานเป็นสรรพญูพุทธเจ้าทรงผ้ากาลเสาวพัตร์และบริขารทิพย์ ๘ พระโมลีลอยขึ้นไปในอากาศ บรรจุอยู่ที่ พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี ซึ่งสำเร็จด้วยแก้วอินทนิล สีขียวบริสุทธ์เก็บไว้ ณ.ดาวดึงส์สวรรค์ ท้าวมหาพรหมนาม ฆฏิการ ถวายบริขารทิพย์ ส่วนอาภรณ์ให้ไปบรรจุไว้ในทุสเจดีย์สูง ๑๒ โยชน์ในพรหมโลก
ฆฏิการมหาพรหม ผู้เคยเป็นสหายเก่าของพระโพธิ์สัตว์ นำบริขาร ๘ ไปถวาย ได้แก่ ไตรจีวร บาตร มีด เข็ม รัดประคค และผ้ากรองน้ำ แล้วพระองค์สั่งนายฉันนะให้กลับไปแจ้งข่าวบรรพชาพระบิดา ความเศร้าโศกเสียใจของนายฉันนะมีมากมายนัก รวมทั้งม้ากัญฐกะ ก็เศร้าใจตายไป เกิดเป็นกัณฑกะเทพบุตร ที่ชั้นดาวดึงส์
เมื่อปัญจวัคคีย์ทราบข่าวเจ้าชายสิทธัทถะออกบรรพชา เหล่าปัญจวัคคีย์จึงออกติดตามมหาบุรุษมหาบุรุษ พระองค์ทรงเสวยความสุขที่ได้จากการบรรพชาที่ป่ามะม่วงนามว่า อนุปิยะอัมพวัน ไม่เสวยภัตตราหารเป็นเวลา ๗ วันพระองค์ทรงอยู่ ณ.อนุปิยอัมพวันที่ริมฝั่งอโนมา ๗วัน จึงเสด็จเข้าสู่กรุงราชคฤห์ไปบิณฑบาตร
ความถึงพระเจ้าพิมพิสารพระเจ้าพิมพิสารเลื่อมใสทูลขอให้ร่วมครองบัลลังค์ร่วมกับพระองค์บิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ พระเจ้าพิมพิสารจึงขอว่าหากพระองค์บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ให้เสด็จกลับมาโปรดพระองค์ด้วย
ทรงศึกษาอนุปุพพวิหารสมาสมบัติ ๗ จากสำนักอาฬารดาบสได้แก่
รูปาวจรฌาน ๔
๑. ปฐมฌาน มีองค์ ๕ : วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
๒. ทุติยฌาน มีองค์ ๔ : วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
๓. ตติยฌาน มีองค์ ๓ : ปิติ สุข เอกัคคตา
๔. จัตตุถฌาน มีองค์ ๒ : เอกัคคตา อุเบกขา
อรูปาวจรฌาน ๓
๑. อากาสานัญจายตนะ
๒. วิญญาสานัญจายตนะ
๓. อากิญจัญญานัญจายตนะ : ยึดความไม่มีอะไรเป็นอารมณ์