อัครสาวกปรินิพพาน ( อัครสาวกกำหนดกาลนิพพานก่อนพระพุทธเจ้า )
พระราหุลกำหนดปรินิพพาน
กำหนดที่ ดาวดึงส์สถานเทวโลก
พระอัญญาโกฑัญญะกำหนดปรินิพพาน
กำหนดที่ สระฉัททันต์ในป่าหิมพานต์
พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรกำหนดปรินิพพาน
กำหนดกาลนิพพานที่บ้านอันเป็นที่เกิดพระสารีบุตรกราบทูลพระบรมศาสดาเพื่อจาริกสู่นาลันทคาม พระโคดมตรัสขอให้ธรรมเทศนากับภิกษุรุ่นน้องก่อน พระสารีบุตรจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศทำการเทศนาแล้วกลับลงมาไหว้ศาสดา รวม ๗ ครั้ง แล้วทำประทักษิณครบ ๓ รอบ นมัสการครบ ๔ ทิศก่อนกราบทูลลา พระสารีบุตรจาริกสู่นาลันทคามพระสารีบุตรเพื่อประสงค์ที่จะโปรดนางสารีพราหมนีผู้เป็นมารดาก่อน พระสารีบุตรทูลลาเพื่อปรินิพพานในห้องที่มารดาคลอดออกมาโดยมีเทวดาลงมากราบไหว้หลายท่านมิได้ขาด ทั้งท้าวมหาราชทั้ง๔ ผู้คอยรักษาพระครรภ์สมัยพระพุทธองค์มาจุติ ท้าวสักกเทวราช ผู้ที่ถือบาตรตามเสด็จพระโคดมตอนเสด็จลงจากเทวโลก รวมทั้งท้าวมหาพรหมผู้นำตาข่ายทองมารองรับครั้งพระพุทธองค์ประสูติ พระสารีบุตรเทศนาพระมารดาจนบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นรุ่งอรุณพอดี พระธรรมบดีสารีบุตรก็เข้าสู่ปรินิพพานธาตุ ในวันเพ็ญเดือน ๑๒ จากนั้นพระจุนทะนำอัฐิกลับ พระโคดมให้สร้างพระเจดีย์เป็นอนุสาวรีย์ไว้ในพระเชตุวันแห่งนั้นสืบไป
พระโมคคัลานะกำหนดปรินิพพาน
ครั้งนั้นพระโมคคัลลานะเสด็จไปจำพรรษาที่ กาฬศิลาประเทศ มคธชนบท เหล่าเดียรถีย์ทรยศลงขันว่าจ้างพวกโจรมาฆ่า พระโมคคัลานะก็ใช้ฤทธิ์เหาะหนี แต่พวกโจรก็พยายามเพียรตามฆ่าไม่ลดละ ถึงสามครั้ง ซึ่งครั้วที่สามพระโมคคัลลานะกำหนดรู้ว่าเป็นอนันตริยกรรมที่เคยฆ่ามารดามาในอดีตภพ จึงไม่หนีพวกโจรจึงพิฆาต ต่อยตี จนพระเถระกระดูกแตกหักละเอียด แล้วใช้ฤทธิ์รวบรวมสรีระเข้าด้วยกันเหาะไปทูลลาพระศาสดา ก่อนจึงจะปรินิพพาน พระโคดมจึงให้พระโมคคัลลานะแสดงธรรมถวายก่อน พระโมคคัลลานะจึงเหาะขึ้นไปแสดงธรรมบนอากาศเช่นเดียวกับพระสารีบุตร จึงเหาะกลับไปปรินิพพานที่กาฬศิลาประเทศ มคธชนบท เมื่อ แรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ เดือนเดียวกันกับพรารีบุตร พระโคดมจึงให้สร้างพระเจดีย์เป็นอนุสาวรีย์ ไว้ใกล้ซุ้มประตูพระเชตวันเช่นเดียวกัน ทรงเทศนาสรภังคชาดกโดยพิสดาร
อานุภาพของอิทธิบาท ๔
อานนท์ผู้ใดเจริญอิทธิบาท๔ เป็นนิตย์ ผู้นั้นเมื่อปารถนา ก็จะดำรงค์ชีพอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป พระศาสดาตรัสย้ำความนี้ถึง ๓ ครั้งพระอานนท์ก็มิได้เฉลียวใจ มิได้กราบทูลขอให้พระองค์อยู่ต่อ เพื่ออยู่อนุเคราะห์ เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายพระพุทธองค์เห็นพระอานนท์นั่งนิ่งอยู่ จึงมีพระดำรัจว่า อานนท์เธอจงสำคัญกาลตามควรเถิดแล้วพระอานนท์ก็หลีกไป ไม่นานพระยามารก็มาเข้าเฝ้าขอให้ทรงปรินิพพาน พระองค์ก็รับปากพญามาร จากนั้นในวันมาฆบูชา ในพรรษาสุดท้ายขณะที่พระองค์มีพระชนมายุได้ ๗๙ ปี ๙ เดือนพระองค์จึงประกาศว่าจากนี้ไปอีก ๓ เดือนตถาคตจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน จากนั้นก็บังเกิดให้แผ่นดินไหวรุนแรงตอบรับในทันที ดังเช่นครั้งที่พระองค์ประสูติ และตรัจรู้ จากนั้นทรงเสด็จออกจากโภคนคร สู่เมืองปาวา แล้วประทับอยู่ ณ.อัมพวันของนายจุนทกัมมารบุตรทรงรับนิมนต์สุดท้ายจากนายจุนทะกัมมารบุตร