สำนักสหปฏิบัติฯ

         เมื่อตาเรามองภาพหรือดูภาพยนตร์ ดูการเคลื่อนไหวของภาพที่เห็น หรือเรียกว่ามีการผัสสะทางจักษุวิญญาณ วิญญาณขันธ์จะรู้รับทราบ สัญญาขันธ์จะจำได้ว่า เป็นภาพอะไร กำลังทำอะไร สังขารขันธ์ ก็จะปรุงแต่งเป็นเรื่องราว ดึงจิตเราคล้อยตามไป เช่นเดียวกัน ขันธ์ 5 การทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วของรูปขันธ์ ,เวทนาขันธ์,สัญญาขันธ์,สังขารขันธ์และวิญญาณขันธ์ เห็นสุขก็สุข เห็นทุกข์ก็ทุกข์ อารมณ์เกิดดับตามนับไม่ถ้วนทั่ว หากเราไม่มีสติตรงนี้ ชีวิตอาจถูกครอบงำด้วยอารมณ์พาเราไหลไป เลยคิดว่า มีอะไรควบคุม มีอะไรเคลื่อนไหว มีอะไรเป็นตัวรู้ เป็นจิต เป็นความคิดของเรา ความหลงทั้งหลาย เป็นผลงานของขันธ์ห้า  ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากขันธ์ห้า มันคือ อุปาทานขันธ์ เราจึงต้อรับรู้หรือผัสสะอย่างฉลาด มีสติและปัญญากำกับ เพื่อให้รู้เท่าทันตามความเป็นจริง ดังพระพุทธพจน์ ที่ทำให้ ท่านพาหิยะเอตทัตคะด้านตรัสรู้เร็วพลัน บรรลุทันทีที่ได้ยิน


“ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็น   จักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟัง  จักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบ จักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้ง   จักเป็นสักว่ารู้แจ้ง

ในกาลนั้น  ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่าง โลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ”