สำนักสหปฏิบัติฯ

      เนื่องจากพระพุทธศาสนาเน้นเรื่องไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา การบอกว่าวิญญาณเที่ยงแท้(นิจจัง) และมีตัวตนถาวร(อัตตา) จึงขัดต่อเรื่อง “ไตรลักษณ์” แท้จริงเป็นเพียงวิบากกรรมเท่านั้นที่มาเกิด แต่ต้องมาผสมผสานกับคนธรรพ์หรือคลื่นพลังงานระดับอารมณ์ มาจุติในเซลปฏิสนธิ การที่เราเกิดมาแล้วมีรูปร่างหน้าตา องคาพยพสวยหรือไม่สวยนั้น ล้วนเป็นสัณญาณกรรมที่ส่งทอดมาทั้งสิ้น ในรูปธาตุพระพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนี้ว่า กลละ ( อ่านว่า กะละละ) ซึ่งมีขนาดเล็กมากพระพุทธองค์กล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า ให้เอาเส้นผมมาเส้นหนึ่ง(บางตำราระบุว่าเป็นขนจามรี) ผ่าออกเป็นแปดส่วน  แล้วนำเส้นผมที่ผ่าแล้วหนึ่งส่วนนั้นไปจุ่มในน้ำมันงา ยกขึ้นแล้วปล่อยให้น้ำมันงาหยดจดเกิดเป็นหยาดสุดท้ายที่ติดอยู่ที่ปลายเส้นผมที่หยดไม่ได้อีกแล้ว นั่นคือขนาดของกลละ ซึ่งภายในกลละยังมีมีลักษณะของ กัมมชรูป ๓  อันหมายถึงรูปที่เกิดเพราะกรรม มีคุณสมบัติดังนี้
        ๑.    กายทสกะเป็นตัวกำหนดกรอบรูปทรง หรือลักษณะทางกายภาพในอนาคต
        ๒.    ภาวทสกะ เป็นตัวกำหนดเพศว่าจะให้กลละ เจริญเป็นปุริสภาวะ (ชาย) หรืออิตถีภาวะ (หญิง)
        ๓.    หทัยทสกะคือกลุ่มของรูปอันเป็นที่เกิดของปฏิสนธิจิต
                 หากเทียบกับความรู้ในปัจจุบัน สิ่งที่พระองค์กล่าวถึงเทียบได้ดังนี้
           กลละ  เทียบเคียงได้กับ เซลไข่ (Ovum) จากฝ่ายหญิงซึ่งจะเกิดการปฏิสนธิกับ Sperm จากฝ่ายชาย เกิดเป็นเซลแรกเกิด (Zygote)
          ภาวทสกะ   เทียบเคียงได้กับ โครโมโซมเพศ ( Sex Chromosome) ที่จะบ่งบอกว่าจะเป็นเพศหญิง (XX) หรือเพศชาย (XY)                      
         กายทสกะ    เทียบเคียงได้กับ DNA หรือสารพันธุกรรมที่เก็บบันทึกรหัสของรูปร่างลักษณะ สายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเฉพาะตนไว้


  Birth karma
            According to the Buddhism, when one passes away, which part will go and be born again in next life? The answer is the mind. The mind which passed away from the previous life and the one which was born again in new life were not exactly the same. Saying that the mind is permanent and has permanent self or ego, it is contradictory with “Trilak”(the Three Characteristics/Trilakkhana). Only the bad deeds lead to rebirth. They are combined with energy wave of emotion and are born in zygote cell (fertilized cell) which will be a beautiful human or not depends on promised karma from previous life. The Buddha has called that fertilized cell “Kalala”(the embryo in first week after conception) which is very tiny. The Buddha compare its size was as tiny as one hair which was cut longitudinally into eight pieces then take one piece to dip into sesame oil, lift it up until the last drop of sesame oil did not fall down and stick with the tail of the hair. That is the size of Kalala. Kalala has three matters in it.
1.      Kayatasaga is the one which determine shape or physical characteristic/appearance
2.      Pawatasaga determines sex into male or female
3.      Hataitasaga is a group of matter of mind
 
Compare to up-to-date knowledge nowadays, what the Buddha said was:
Kalala was like ovum from female which will fertilize with sperm from male into zygote
Pawatasaga was like sex chromosome which determines sex to be female(XX) or male(XY)
Kayatasaga was like DNA which contains charactistic, physical appearance information