สำนักสหปฏิบัติฯ

จิตของเราจะมีการเกิดดับทุกขณะที่เรียก“ขณิกะมรณา” ส่งต่อกันไปทุกขณะจิตในระดับภวังคจิต จิตที่เกิดดับ ๑ ขณะ เรียกว่าจิต ๑ ดวง จิตแต่ละดวงประกอบด้วย ๓ ขณะย่อย คือ เกิดขึ้น (อุปาทะ) ตั้งอยู่(ฐิติ) และดับไป(ภังคะ)ซึ่งจะเกิดดับในเวลาที่สั้นมาก เรียกว่าจิตเราอยู่ในสภาวะที่ตายแล้วเกิดใหม่ตลอดเวลา  โดยข้อมูลกรรมที่สะสมไว้ทั้งหมด จะถูกถ่ายทอดต่อสู่จิตดวงใหม่ในสังขารเดียวกัน ลักษณะที่เป็นเนวสัญญา นาสัญญา คือเป็นจิตดวงเดียวกันก็ใช่ คนละดวงก็ไม่เชิง  ดั่งเปลวไฟที่ลุกต่อเนื่องอยู่ในคบเพลิง ว่าเปลวไฟที่ลุกนั้นเป็นดวงเดียวกับที่จุดตอนแรกก็ได้ ต่างดวงกับที่จุดดวงแรกก็ได้ หรือคลื่นน้ำคลื่นหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้าหาฝั่ง ว่าเป็นคลื่นๆเดียวกันกับจุดเริ่มต้นก็ได้ ว่าเป็นคลื่นต่างลูกกันก็ได้ เพราะตลอดเส้นทางการเคลื่อนที่ของคลื่นมีคลื่นเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แต่โมเลกุลของน้ำนั้นไม่ได้เคลื่อนที่ไปด้วย มีเพียงแต่พลังงานเท่านั้นที่ถูกส่งผ่านจากโมเลกุลของน้ำโมเลกุลหนึ่งสู่โมเลกุลของน้ำข้างเคียงจนมองเห็นเป็นคลื่นเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตลอดแนวการเคลื่อนที่ของคลื่น เหมือนสังขารของเราไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน เพียงแต่คลื่นวิบากกรรมเท่านั้นที่ส่งต่อจากจิตดวงหนึ่งไปยังจิตอีกดวงหนึ่งได้อย่างครบถ้วน ตลอดเวลา   ทั้งนี้ขณิกะมรณาจะเกิดขึ้นเฉพาะขณะที่ยังมีสังขารเท่านั้น  เมื่อเราเสียชีวิตลง เฉพาะคลื่นกรรมที่เราเรียกว่าจุติจิตเท่านั้นที่จะสามารถถ่ายทอดไปยังภพต่อไปได้แต่จะไม่เกิดขณิกะมรณาอีก  ทั้งนี้เมื่อคนเราตายแล้วต้องเกิดทันที ซึ่งอาจไปเกิดในภพภูมิที่ไม่มีสังขารก็ได้  จิตดวงสุดท้ายในชาตินี้หลังสังขารดับหรือหยุดขณิกะมรณาเราเรียกว่า “จุติจิต” เมื่อไปเกิดใหม่ในเซลปฏิสนธิเราจึงเรียกว่า “ปฏิสนธิจิต” ซึ่งจุติจิตนี้ได้บรรจุข้อมูลกรรมที่ทำมาไว้และถ่ายทอดข้อมูลกรรมที่ได้เก็บบันทึกมาทุกชาติ ส่งมายังปฏิสนธิจิตได้อย่างครบถ้วน กรรมที่มีจึงเป็นของเราจริงๆ ใครกระทำกรรมอะไรไว้ในอดีตไม่ว่าชาติใดๆก็จะถูกเก็บบันทึกอยู่ในภวังคจิตของเราทั้งหมด   การที่เรามีชาติหน้านี่เอง จึงทำให้เกิดมีการเวียนว่ายตายเกิด เพราะถ้าไม่มีชาติหน้าก็ยากที่คนจะไปนิพพาน จิตชั่วจะนำไปสู่ภพภูมิที่เสื่อม ขณะที่เรายังไม่ตายยังมีสังขาร จิตของเราจะรับรู้ความรู้สึกจากอายตนะหรือจากประสาทสัมผัส แต่หากเราตายลงหรือสังขารหยุดทำงาน จิตของเราจะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกจากอายตนะทางสังขารได้  จิตจึงรับรู้ได้แต่ข้อมูลในระดับภวังคจิต จิตจึงรับได้เพียงภาพกรรมในอดีตที่เก็บไว้ในภวังคจิต มาปรากฏให้เห็นเด่นชัด ดังนั้นเมื่อจิตเห็นกรรมใดก็จะไปเกิดตามอำนาจกรรมหรือภาพนิมิต