เกมกลกรรม
เป็นการเล่นเกมกับกรรมที่มาถึงในแต่ละช่วงของกาลเวลา โดยที่เราเล่นเกมกับกฎแห่งกรรมที่จะมาถึงในอนาคตอย่างรู้เท่าทัน แล้วนำไปบริหารใช้ในกลไกกรรม ซึ่งเราต้องยอมรับและต้องเข้าใจในสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งผลกระทบและผลข้างเคียง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรานำมาใช้ในกงเกวียนกำเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่า , บุพกรรม, หรือบุพเพสันนิวาส เราจะต้องมีความเพียร และจะต้องมีความอดทนในการเผชิญปัญหาต่างๆที่จะเกินขึ้น ขณะที่เรากำลังเล่นอยู่กับเกมกลกรรมนั้นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราจะต้องมีตัวรู้ พร้อมกับการมีสติและมีจิตตั้งมั่น ในการบริหารทิศทั้ง ๖ ด้วย อิทธิบาทธรรม ๔ ดังนั้นเมื่อเรารู้ถึงกลไกกรรม ชนกกรรมหรือเหตุแต่กรรมที่ได้ทำมาครั้งอดีตชาติแล้ว เราก็จะสามารถที่จะบริหารกลไกกรรมของเราได้พร้อมกันโดยรวมได้ หลายวิธีดังนี้
- กฎแห่งกรรม
๒. เกณฑ์แห่งเวร
เป็นการเล่นเกมเกณฑ์แห่งเวรกับกฎแห่งกรรมที่มาถึงในกาลเวลา โดยการอฐิษฐานจิตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพระพรหมประจำชีวิตเพื่อก้าวเข้าสู่เกมกลกรรม การใช้ข้อเกณฑ์แห่งเวรมาเล่นเกมกลกรรมนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการบริหารจัดการกรรมด้วยเทวฤทธิ์ วิธีการนี้เราอาจต้องเผชิญกับกรรมของเราสักระยะหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตที่ปลอดจากกรรมในบางด้าน หรือโอกาสทองในบางโอกาสของชีวิต และหากเรารู้เท่าทันเกณฑ์แห่งเวรนี้ เราจำเป็นต้องมีความอดทนในการเผชิญปัญหา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องมีความรู้เรื่องกรรมในระดับหนึ่ง รวมทั้งต้องมีความเพียรและเราจะต้องรู้จักเปิดรหัสกรรมที่ดี แล้วนำมาเบียดเบียนกรรมชั่วในอดีตชาติให้เป็นไปในลัษณะจากหนักเป็นเบา และจากเบาเป็นหมดสิ้นไปได้ ซึ่งต้องเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่หรือรักระดับอัปมัญญาพรหมหรือมหาบุญเท่านั้น ที่จะสามารถต่อกรกับครุกรรมของเราได้ โดยเฉพาะกับการที่เราต้องการจะแก้ไขกรรมหนักให้เบาบางลง จะต้องเป็นบุญที่ต้องตรงกับหนี้สัญญากรรมเท่านั้น การทำกรรมดีที่ตรงกับชนกกรรม หรือหนี้สัญญากรรมนั้นๆจะทำให้เราสามารถต่อกรกับครุกรรมที่กำลังจะเข้ามากระทบเราในเกมกลกรรมได้ โดยเฉพาะหากเรามีตัวรู้ว่าการทำบุญใดที่ทำแล้วตรงกับหนี้สัญญากรรมเก่าเรา จะยิ่งเป็นมหากุศลอันจะสามารถเบี่ยงเบนหรือแก้กรรมครุกรรมให้เราได้ เราจึงควรระบุ หรืออฐิษฐานจิตทุกครั้งที่เราทำบุญนั้น เพื่อให้เกิดเป็นตัวรู้ว่าเราต้องการที่จะทำบุญเพื่อสิ่งใด เช่น ประสงค์จะสร้างพระอุโบสถ ประสงค์จะเป็นเจ้าภาพองค์ผ้าป่า หรือองค์กฐิน หรือประสงค์จะทำบุญสนับสนุนรายการธรรมะ ซึ่งถือเป็นมหาบุญ และ มหาทาน เนื่องจากการให้ธรรมะเป็นทานนั้น เป็นทานที่ชนะการให้ทานใดๆทั้งปวง หากเราไม่อฐิษฐานจิตว่าเราได้ทำบุญอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ทราบว่าเราทำบุญชนิดใด และบุญนั้นตรงกับหนี้กรรมที่เราจะต้องชดใช้หรือไม่ บางครั้งหนี้กรรมที่เราจะต้องทำนั้น เราต้องชดใช้กับคน หรือสัตว์ ที่มีกงเกวียน กรรมเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่ากับเรา ดังนั้นการที่เราสามารถปฏิบัติตนและร่วมงานกับผู้อื่น หรือร่วมทำกิจกรรมกับบุคคลต่างๆได้ทุกกิจกรรม โดยเฉพาะงานบุญงานกุศลที่สำคัญๆทางพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างพระอุโบสถ สร้างพระประธาน งานทอดกฐิน งานทอดผ้าป่า การบวชเนกขัมมะ ตลอดจนการเข้าร่วมในพิธีกรรมต่างๆที่มีผู้มาร่วมในงานบุญ งานพิธีมากๆ และผู้ที่ร่วมในงาน โดยเฉพาะประธานหรือเจ้าพิธีนั้น มีกงเกวียนกรรมเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่ากับเรา ก็จะยิ่งเป็นตัวช่วยให้การแก้ปัญหาของกงเกวียนกำเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่า และช่วยให้เราผ่านเกมกลกรรมนั้นๆไปได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเราจึงควรร่วมกิจกรรมหรือพิธีกรรมทุกกิจกรรมด้วยความจริงใจ ลดจิตริษยา อาฆาตพยาบาทให้หมดสิ้น รู้จักทำบุญที่ตรงกับหนี้กรรมอย่างต่อเนื่อง และให้มีแต่จิตเมตตาซึ่งเราเรียกว่าพรหมจิต คือจิตที่เป็นอัปมัญญาพรหม อันเป็นรักกลางๆ เท่าเทียมกันทุกคน หากคนใดมีเมตตาจิตน้อย ก็จะเป็นการยากที่จะผ่านเกมกลกรรมนี้ไปได้
๓. กติกาแห่งเทพ
ในอดีตชาติเราอาจเคยมีเล่ห์เหลี่ยม เล่นกลหลอกลวงใครต่อใครไว้มากมาย ชาตินี้เราจึงต้องมาเล่นเกมกับเทพ คือการที่เราอฐิษฐานจิตให้สามารถรับพลังทิพย์จากองค์เทพได้ เพื่อมาช่วยเหลือปรับปรุงชะตาชีวิต ขณะเดียวกันก็ต้องปรับเพิ่มการเรียนรู้ธรรมะ จนชีวิตเป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับการกำกับจากพลังทิพย์ขององค์เทพ สามารถปฏิบัติตามกติกาของเทพได้ ดังนั้นเราจึงต้องศึกษาหาความจริงในสัจธรรม จนกว่าจะพ้นพันธะและความสับสนวุ่นวายในชีวิต เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คนเรานั้นเกิดมาตามกรรม เกิดมาเพื่อใช้กรรม และเกิดมาสร้างกรรม ทุกวันนี้บางคนอาจมองชีวิตของตนช่างราบเรียบ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาพึ่งเทพยดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด แต่แท้จริงแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีกรรมสัมพันธ์กับเราอาจช่วยเราอยู่เบื้องหลังก็ได้ เราอาจได้ใช้กรรมกับใครต่อใครไปมากแล้วด้วยเทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แต่เราเองต่างหากที่ไม่ทราบ ซึ่งกรรมสัมพันธ์นั้น อาจจะแฝงอยู่ในรูปของเทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือเทวานุภาพที่แฝงอยู่ในจิตตานุภาพก็อาจเป็นไปได้ กติกาแห่งเทพนั้นละเอียดอ่อน เราเพียงแต่เรานำกติกาแห่งเทพนี้มาบริหารกรรม ไม่ใช่มาทดแทนกรรม เทพท่านก็ใช้กฎแห่งกรรมของเราเอง นำมาให้เราเผชิญและให้เราชดใช้ แต่เราต้องเข้าใจและเข้าถึงกติกาของเทพให้ได้ว่าคือสิ่งใด ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้ว่าเทพต้องการและมีเงื่อนไขใดให้เราปฏิบัติ หรือจะต้องมีมาตรฐานจิตให้ถึงระดับใดในการผ่านเกม เราจึงต้องพิจารณาศึกษาให้ดี บางครั้งเราอาจจะกำลังเล่นเกมกลกรรมกับเทพอยู่ในชีวิตประจำวัน กับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นเพื่อมาทดสอบจิตของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็ได้ บางทีเราอาจผ่านการทดสอบหรือสอบตกในกติกาของเทพไปแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ หากใครไม่สามารถผ่านเงื่อนไขในกติกาของเทพได้ อาจทำให้ชีวิตของเขาสะดุดหรือลำบากขึ้น รอโอกาสในชีวิตนานขึ้น หรือพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไปเลยโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ การที่เราจะนำกติกาแห่งเทพมาบริหารจัดการเกมกลกรรมของเรานั้น ทำได้โดยเราสามารถอฐิษฐานจิตขอบารมีหรือพลังทิพย์จากองค์เทพองค์ใดองค์หนึ่ง เพื่อมาคุ้มครองดูแลเราในกติกาแห่งเทพ หรือจะรับพลังทิพย์ขององค์เทพจากการรับขันธ์ครูก็ได้ ซึ่งเทพท่านจะมาในนิมิตร ๓ หากเรามีตัวรู้ มีจิตที่ตั้งมั่นในการบริหารทิศทั้ง ๖ ด้วยอิทธิบาทธรรม ๔ที่สมบูรณ์ และมีอุเบกขา พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน รู้จักอดทน อดออม อดกลั้นจิตใจ โดยต้องคุมจิตให้ได้ จิตไม่ฟู ไม่แฟบ ทั้งระดับกายประพฤติ จิตคิด และสูงสุดในการฝึกจิตให้มีอุเบกขาในระดับองค์ฌาน และฝึกจิตให้เกิดตัวรู้ในระดับองค์ญาณ มีจิตที่เป็นอัปมัญญาพรหมก็จะเป็นพื้นฐานและปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เราสามารถผ่านกติกาของเทพไปได้ในที่สุด
๔. ระเบียบวินัยทางวิญญาณ
เป็นการฝึกจิตให้เข้าสู่สัมมาสมาธิ เช่นการนั่งกรรมฐานจนมีระดับจิตที่สูงขึ้นด้วยสติปัฏฐาน๔ ซึ่งวิธีนี้ต้องการตัวรู้และใช้เวลามาก ซึ่งส่วนใหญ่จะหนีหนี้กรรมไม่พ้นก่อน คนส่วนใหญ่จะเรียนสมาธิ เดินจงกรม ฝึกจิตให้ได้องค์ฌาน องค์ญาณกันเท่านั้น บ้างก็เน้นภาพลักษณ์ของการปฏิบัติธรรมที่สวยงาม เคร่งครัด ให้เหมือนกับที่คนอื่นเขาทำกัน อย่างไรก็ตามบางครั้งเราก็จะพบว่าคนส่วนใหญ่เหล่านั้นเมื่อกลับบ้านไปแล้ว ก็ยังโดนกรรมตามเล่นงานอยู่ดี ถ้าหากเราต้องการจะหลุดพ้นจากวิบากกรรมอย่างแท้จริง เราคงจะต้องปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนานี้ให้ได้ถึงญาณระดับอภิญญาญาณแล้วเท่านั้น จึงจะพ้นอำนาจแห่งเวรกรรมได้เด็ดขาด ยกเว้นแต่อนันตริยกรรม แม้ผู้ที่บรรลุถึงขั้นอรหันต์แล้ว ก็ยังต้องชดใช้กรรมนั้นๆก่อนอยู่ดี ซึ่งกรรมในอดีตภพของเรา รวมทั้งของพระอรหันต์เองที่เคยก่อกรรมมานั้นก็ไม่ได้สูญสิ้นไปไหน ก็ยังคงบันทึกอยู่ในภวังคจิตของเราหรือของพระอรหันต์อยู่นั่นเอง เพียงแต่ไม่สามารถแสดงออกได้ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการอโหสิกรรม หรือกรรมเป็นกลางไปนั่นเอง คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนไม่มีอภิญญาญาณเหมือนพระอรหันต์จึงหนีกรรมกันไปไม่พ้น เราจึงยังต้องวนเวียนอยู่ในวัฏฏสงสาร และต้องเผชิญกับเวรกรรมเก่าอยู่ร่ำไป การแก้ปัญหากรรมเฉพาะหน้าโดยใช้เกมกลกรรม หรือมีตัวรู้ในรหัสกรรม๔ และรหัสเวร๔ จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งของการแก้ไขปัญหาและชะตาชีวิต ซึ่งหลายคนไม่ทราบว่า เราสามารถเลือกวิธีการที่จะบริหารกรรม หรือผ่อนกรรม เพื่อให้ชะตาชีวิตของเราผ่านพ้นเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปได้ ในขณะเดียวกัน เราต้องฝึกปฏิบัติจิตให้สวยงามสู่อัปมัญญาพรหมควบคู่กันไปด้วย จึงจะเป็นวิถีทางที่สอดคล้องกับกรรมที่เรากำลังเผชิญที่สุด การที่เรามีความรู้ความเข้าใจในเกมกลกรรม รหัสกรรม๔ และรหัสเวร๔ ย่อมเป็นการเพิ่มโอกาสให้เราสามารถชนะเกมกลกรรมได้มากขึ้น ในเรื่องบุพเพสันนิวาส แม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งงานกับคนที่เป็นบุพเพสันนิวาสที่แท้จริงในชาตินี้ เราก็สามารถบริหารจัดการเกมกลกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งรางวัลชีวิตได้เช่นเดียวกันกับการได้มีชีวิตคู่อยู่กับบุพเพสันนิวาส ทั้งนี้ อุเบกขาธรรม ความกตัญญูระดับชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ความรัก ความเมตตา ในระดับอัปมัญญาพรหม จะเป็นฐานกำลังสูงสุดในการที่เราจะเล่นเกมกลกรรม ผนวกกับปัญญา และความสามารถในการเข้าถึงสัจธรรมก็จะทำให้มนุษย์เราผ่านเกมกลของเทพไปได้ทันการ ก่อนที่เวลาของกฎแห่งกรรมจะมาถึง การแก้ไขปัญหากรรมเราต้องรู้จักกรรมให้ดีพอ อย่างน้อยเราต้องมี ยถาภูตญาณทัศนะ หรือหมายถึง มีญาณทัศนะที่หยั่งรู้ฐานะแห่งจิตวิญาณ ไม่ปล่อยชีวิตดำเนินไปตามยถากรรม อย่างน้อยต้องรู้ว่าเราเกิดมาตามกรรม เกิดมาใช้กรรม เกิดมาสร้างกรรม และทำอย่างไรจึงจะถูกต้องตามกรรมนั้นๆ เราต้องรู้ว่ากรรมจะแสดงออกตามกาลเวลา และเมื่อรู้จักกรรมแล้วก็ต้องรู้จักแก้กรรมด้วย โดยการรู้จักใช้รหัสกรรม ๔ ร่วมกับรหัสเวร๔ หรือใช้ เกมกลกรรมเป็นทางเลือก ในขณะเดียวกันเราจำเป็นต้องระวังอย่าให้เวลาหมดก่อน เพราะเมื่อเวลาหมด ก็หมายถึงอาญากรรมจะมาถึง เป็นการปิดโอกาสที่จะได้รางวัลชีวิตในที่สุด
VDO เกมกลกรรม 1
VDO เกมกลกรรม 2