ในช่วงเวลาของชีวิตที่เป็นไปตามเกมกลกรรมข้อที่หนึ่งคือกฏแห่งกรรม อันเป็นการปล่อยชีวิตไปตามปกติ โดยที่ไม่มีตัวรู้มาช่วยบริหารจัดการกรรมใดๆทั้งสิ้น เรื่องของรหัสเปิด รหัสปิดจึงเกิดขึ้นได้โดยเราไม่รู้ตัว หากเราไปทำกิจใดที่ศักดิ์สิทธิที่ตรงกับสัญญากรรมเข้าอาจโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี โดยส่วนใหญ่ทำไปตามปกติไม่มีตัวรู้ว่าเป็นรหัสเปิด หรือรหัสปิด หากทำถูกโฉลกชีวิตก็จะดีขึ้น หากทำผิดไปจากสัญญากรรมชีวิตก็จะมีปัญหาได้ การที่เรามีความรู้ในเรื่องของเกมกลกรรมจะทำให้เรารู้จักเปิดรหัสเปิด หรือรู้ว่าการใด กิจใด เวลาใด กับใครอย่างไรจึงจะเป็นระหัสเปิด ใด กิจใด เวลาใด กับใครอย่างไรจึงจะเป็นรหัสปิด เราจึงต้องมีความเข้าใจในเรื่องของรหัสกรรมบ้าง ดังนี้
รหัสกรรม
“ เป็นความถึงพร้อมของตัวเรา ที่จะบริหารกรรมของเราเอง” มีทั้งหมด ๔ ข้อได้แก่
๑. คลื่นกรรม หรือพลังกรรม
เราต้องรู้ว่ากรรมของเรานั้น มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่วสั่งสมมานับไม่ถ้วนชาติ เมื่อมาเกิดในภพชาติใหม่ การที่จะให้ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสุขอย่างเดียวจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะกรรมชั่วและกรรมดีจะเบียดเบียน หรือตัดรอนซึ่งกันและกันในบางโอกาส การรู้จักคลื่นกรรมนั้น มีความจำเป็นต้องรู้จักให้ถึงกลไกกรรม คลื่นกรรมของเรานั้น มีทั้งคลื่นกรรมในตัวเราที่เก็บไว้เป็นสัญญาที่อยู่ในภวังคจิต มีทั้งบุญและบาปสัตยาธิษฐานที่เก็บมาตลอดทุกภพชาติ และคลื่นกรรมจากภายนอกที่เป็นบุคคลาธิษฐานคือจากบุคคล ตลอดจนสัตว์ต่างๆที่มีกรรมสัมพันธ์กับเรา รวมทั้งคลื่นกรรมจากเทพ เทวดา เจ้ากรรมนายเวรที่ยังไม่มีสังขาร หรือยังไม่มาเกิด คลื่นกรรมต่างๆเหล่านี้ สามารถพบได้ในอากาศทั่วไป แต่ถูกปิดบังไว้ด้วยรหัสลับ ซึ่งรหัสลับนี้จะรอตัวรู้ของเรา โดยเราจะต้องนำตัวรู้ในรหัสลับของเรามาไขปริศนาและแก้โจทย์ต่างๆเหล่านี้ให้แจ่มแจ้ง แล้วเราจึงนำผลลัพธ์ต่างๆเหล่านั้นมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไขชะตาชีวิตของเราให้ดีขึ้นต่อไป
๒. ภูมิปัญญา
การที่เราจะแก้กรรม หรือถอดรหัสกรรมให้ได้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องกรรมเป็นอย่างดี ตั้งแต่กรรมการเกิด การถ่ายทอดกรรม การแสดงออกของกรรม ในขณะเดียวกันก็จะต้องรู้จักกรรมเบียดเบียน และกรรมตัดรอนกรรม รู้จักวิธีการทำกรรมให้เป็นกลางหรืออโหสิกรรมด้วย มีภูมิจิต ภูมิธรรม และภูมิปัญญาในการคิดชอบและปฏิบัติชอบ รู้จักโครงสร้างของกลไกกรรม และเงื่อนงำของพรหมลิขิตในตัวเรา รู้ถึงเงื่อนปมของกรรมในชะตาชีวิต รู้ถึงบุคคลตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีกรรมสัมพันธ์กับเรา และที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้องรู้ถึงสัญญากรรมสำคัญหรือที่เรียกว่าชนกกรรม ซึ่งเราสามารถรู้ได้จากจุดที่เรารับความรู้มาจากภายนอก( Insight knowledge) และจุดที่ความรู้ผุดโพลงขึ้นจากข้างใน (Enlighten) ให้เกิดความสมดุลกัน และเมื่อเรานำมาพิจารณาประยุกต์หาเหตุผลที่สอดคล้องลงตัวกัน เราก็จะรู้ถึงชนกกรรมที่เราต้องปฏิบัติ อันจะช่วยให้ง่ายต่อการเล่นเกม ทั้งนี้เราต้องมีภูมิธรรมที่มีฐานความรู้เพียงพอ และมีภูมิปัญญาที่จะมาเป็นตัวรู้ เพื่อนำทางเราว่าเราจะหาคลื่นกรรมได้เมื่อไร สถานที่ใด ด้วยวิธีใด กับใครตามรหัสกรรมรหัสเวร ในปริมาณเท่าใด ตรงกันข้ามหากเราไม่รู้และไม่เข้าใจในความรู้ทางจิตวิญญาณที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตของเราแล้ว ชีวิตเราก็คงจำเป็นต้องเดินไปตามวิถีของกฎแห่งกรรมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงและเสี่ยงอันตราย หรือบางกรณีอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการละเลยโอกาสทองของชีวิตไปเลยทีเดียว
๓. . ทักษะ
เมื่อเรามีความรู้ในเรื่องของกรรม อยู่ในระดับที่เพียงพอแล้ว ซึ่งเราต้องสามารถนำความรู้นั้นมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกัน เราก็จะต้องมีความเชี่ยวชาญ และความชำนาญในเชิงปฏิบัติ โดยได้รับทักษะที่เราสั่งสมไว้ในอดีตชาติ และที่ฝึกใหม่ในชาตินี้ปรับให้เป็นศักยภาพ ทักษะที่เรามีนั้นจะเป็นตัวกำกับภูมิปัญญา แต่ทั้งนี้เราต้องมี ไหวพริบปฏิพานและรู้เท่าทันว่า เทพที่มานั้นมาช่วยแก้กรรมให้เรา หรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราที่เกล้งปลอมมา หรือเป็นเทพดีมาลองใจเรา เราจะต้องไม่เชื่อง่ายและไม่หลงงมงายในพลังทิพย์ขององค์เทพ ที่มีเมตตามาช่วยเรา ที่สำคัญต้องรู้เท่าทันตามความเป็นจริง
๔. พลังปราณ
ได้แก่เคมีปราณที่พบได้ในธรรมชาติทั่วไปรวมทั้งชีวปราณที่พบในสิ่งมีชีวิต พลังชีวปราณของสิ่งมีชีวิตเป็นพลังที่เกิดจากพลังไฟฟ้าจากสังขาร พลังปราณนี้สามารถพบได้ทั้งพลังปราณที่อยู่ภายในตัวเรา และรวมทั้งพลังปราณจากภายนอก ซึ่งมาจากบุคคล จากวัตถุอื่นๆ ตลอดจนพลังปราณในสถานที่ต่างๆ ก็สามารถส่งผ่านเข้ามา ผสมผสานกับพลังปราณภายในตัวเราได้ พลังปราณส่วนใหญ่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย ทั้งในขบวนการเมตาบอริซึมหรือขบวนการสันดาปในตัวเราที่ทำให้เกิดพลังงาน รวมถึงพลังงานความร้อนในร่างกาย พลังงานนจลและพลังงานศักดิ์ภายในกระดูก ความดันโลหิต ค่าความเป็นกรดด่างในเลือด และปฏิกิริยาอีเลคโตรไลท์ในร่างกาย ที่สำคัญคือพลังปราณที่เราได้นี้สามารถถ่ายทอดไปสู่วัตถุ และสถานที่ต่างๆได้ เช่นการปลุกเสกพระเครื่องตลอดจนของขลังต่างๆ รวมทั้งพลังปราณที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆที่เราเคยเข้าไปสัมผัสเป็นต้น
ทั้งนี้พลังปราณหากเรานำมาผสมกับพลังกรรมได้สอดคล้อง โดยมีทักษะและภูมิปัญญา คอยปรับคอยควบคุมให้ลงตัว ก็จะสามารถปรับปรุงและเสริมภูมิปัญญา ตลอดจนทักษะของทางในที่เรามียังไม่เพียงพอให้เกิดเพิ่มสูงขึ้นมาได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถย้อนกลับไปเสริมพลังปราณกับพลังกรรมได้อีกด้วย การฟังและรับความรู้ความเข้าใจจากภายนอก จะช่วยเสริมภูมิปัญญาและทักษะทางนอกให้เราเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจ ในความสัมพันธ์ทั้งสี่ข้อว่าผสมกลมกลืนกันอย่างไร ดังนั้นเราจึงควรดูแลสุขภาพให้สมบรูณ์แข็งแรง ปฏิบัติกรรมฐานสมาธิภาวนา และฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอ จนเราสามารถเข้าถึงกลไกกรรม และเข้าใจในเงื่อนปมต่างๆได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น