สิ่งที่หลายคนคุ้นเคยกับการทำดีคู่กับพระพุทธศาสนาคือการทำบุญที่วัด การทำทานด้วยสิ่งของช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ที่กำลังเดือดร้อน แต่แท้จริงแล้วอีกหลายๆสิ่งที่พึงศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธ ศาสนายังมีอีกมาก เช่น บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ซึ่งสำคัญที่สุดคือการทำทานด้วยธรรมะ และการทำบุญที่ตรงกับหนี้กรรม จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากเงื่อนปมและปัญหาในชีวิตต่างๆได้เร็วขึ้น การทำบุญในพระพุทธศาสนา ได้แก่ บุญกริยาวัตถุ มีถึง สิบประการแต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
๑. ทานมัย (ทำบุญด้วยการให้ทาน ปันสิ่งของ)
๒. สีลมัย (ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือประพฤติดี)
๓. ภาวนามัย (ทำบุญด้วยการเจริญภาวนาคือฝึกอบรมจิตใจ)
๔. อปจายนมัย (ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม)
๕. เวยยาวัจจมัย (ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้)
๖. ปัตติทานมัย (ทำบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น)
๗. ปัตตานุโมทนามัย (ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น )
๘. ธัมมัสสวนมัย (ทำบุญด้วยการฟังธรรมะ ศึกษาหาความรู้)
๙. ธัมมเทสนามัย (ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมะให้เป็นทาน ถือเป็นทานที่เหนือกว่าการทำทานใดๆทั้งปวง)
๑๐. ทิฎฐุชุกัมม์ (ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง )
คนบางคนทำบุญมาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายชีวิตก็ไปไม่ถึงไหน ถ้าการทำบุญนั้นไม่ตรงกับสัญญากรรม หรือชนกกรรมหรือหนี้กรรมของคุณ นั่นคือรหัสกรรมและรหัสเวรของคุณไม่เปิด ยกตัวอย่างเช่นเราไปทำบุญทอดกฐิน ทอดผ้าป่าที่วัด หากสถานที่ที่เราไปสร้าง กลุ่มคนที่มาเกี่ยวข้องกับงานนั้นไม่มีกรรมสัมพันธ์กับเราเลย เราก็คงได้แต่บุญ แต่ในทางตรงกันข้าม หากเราไปทำบุญทอดกฐินทอดผ้าป่ากับกลุ่มคนที่มาเกี่ยวข้องกับงานและบุคคลเหล่านั้นมีกรรมสัมพันธ์กับเรา นอกจากเราจะได้บุญแล้วเรายังมีโอกาสได้ชดใช้กรรมกับคนเหล่านั้นอีกด้วย เราต้องไม่ลืมว่าคนเราเกิดมาตามกรรม เกิดมาสร้างกรรม และต้องเกิดมาใช้กรรม เพื่อที่จำนวนเจ้ากรรมนายเวรจะได้ลดลงด้วย ชีวิตเราจึงจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ หากเราไม่ทราบว่าสัญญากรรม หรือ หนี้กรรมของเรา ว่าคืออะไร ใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา เราเป็นเจ้ากรรมนายเวรใคร กลุ่มคนกลุ่มใดมีกรรมสัมพันธ์กับเรา แล้วเราทำบุญไปโดยที่ไม่มีตัวรู้ ไม่อฐิษฐานชี้แจงวัตถุประสงค์ของการทำบุญที่ชัดเจนหรือทำบุญผิดที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลิขิต และกำกับชีวิตของเราจะทราบได้อย่างไรว่า ท่านได้ทำบุญตรงกับหนี้กรรมแล้ว เพราะฉะนั้นเราคงได้แต่บุญเก็บสะสมไว้ใช้ในชาติหน้า แต่โอกาสที่เราจะหลุดพ้นจากปมเงื่อนชีวิตของเราในชาตินี้นั้นคงเป็นไปได้ยาก เพราะเราไม่ได้ใช้หนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของเราถูกต้องตามพรหมลิขิตในชาตินี้ ดังนั้นเราก็คงจะมีชีวิตที่ต้องโต้คลื่นกับชะตากรรมไปโดยไม่มีทิศทาง ในขณะเดียวกันถ้าเราสามารถเข้าถึงสัญญากรรมและมีตัวรู้แจ้งแทงตลอด เราก็สามารถแก้เงื่อนกรรมนั้นๆได้ ถ้าเราเข้าถึงสมาธิระดับองค์ญาณชั้นสูง แต่ถ้าเรายังไม่สามารถมีตัวรู้ในระดับนั้น เราก็ยังมีวิธีในการเผชิญกรรมชะตาชีวิตอันที่เราจะได้กล่าวต่อไป