สำนักสหปฏิบัติฯ


           หากเราพูดถึงคำว่าบุพเพสันนิวาส หลายคนก็อาจจะคุ้นชินกับคำในเนื้อเพลงซึ่งมักจะร้องกันอยู่ทั่วไปตามงานแต่งงาน  หลายคนเข้าใจว่า บุพเพสันนิวาสคือคู่รักที่ชอบพอกัน แล้วมีโอกาสได้แต่งงานกันอย่างมีความสุข  ในขณะเดียวกันก็ได้วาดภาพความฝันไว้สวยหรูว่าชีวิตคู่นั้นจะต้องมีความสุขและสมหวังในทุกๆเรื่อง  ซึ่งอาจจะถูกต้องแต่ก็อาจจะยังถูกไม่ทั้งหมด เนื่องจากความรักเป็นลักษณะของอารมณ์ในเบื้องต้น แต่ยังมีความจริงที่แอบแฝงอยู่ในสัจธรรม  นั่นก็คือมีสิ่งที่อยู่เหนือสามัญวิสัย แอบแฝง ซ่อนเร้น และปิดบังอำพรางความรักของเราไว้   ในที่นี้เราสามารถกล่าวได้ว่า สิ่งที่อยู่เหนือสามัญวิสัยนั้นคือ “พรหมลิขิต” ซึ่งจะคอยลิขิตและกำกับให้ชีวิตคู่ของแต่ละคนนั้น ประสบความสำเร็จหรือบางครั้งก็ล้มเหลว บ้างผิดหวัง บ้างอกหัก บ้างก็บ้านแตก สาแหรกขาด ซึ่งถ้าเราสามารถศึกษาหาความรู้ และทำความเข้าใจในเรื่องของบุพเพสันนิวาส ในแง่มุมของสัจธรรมให้กระจ่างชัดขึ้นแล้ว ก็จะทำให้เรื่องของการมี “บ้านเล็กบ้านน้อย” จนเกิดปัญหา “บ้านแตก” นั้นคงจะลดลงได้ไม่น้อยทีเดียว                  
            ความรักนั้นไม่มีขอบเขต ไม่มีพรหมแดน และไม่มีศาสนา เกิดขึ้นได้ในทุกชนชั้นวรรณะ หามาตรฐานแน่นอนไม่ได้ บางครั้งก็เป็นรักต่างวัย บางครั้งก็เป็นรักข้ามแดนหรือรักข้ามขอบฟ้าแล้วแต่จะเรียกกัน  แท้จริงแล้วความรักนั้นก็คืออารมณ์สากล ซึ่งทุกคนที่มีความรัก จะมีความรู้สึกและอารมณ์เหมือนกันหมดทั่วโลก  เรื่องของ “ความรัก” แท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก หากเราจะแบ่งแยกความรักที่เกิดขึ้นในระดับอารมณ์มนุษย์นั้น สามารถแบ่งความรักออกได้เป็น ๓ ระดับ ดังนี้คือ
            ๑.   ความรักที่เกิดขึ้นในระดับอารมณ์ ( Emotional  love )เป็นความรู้สึกอันเกิดจากจากความหลงใหลใฝ่ฝัน ความเสน่ห์หาความเพลิดเพลินพึงพอใจในเบื้องต้น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Puppy  Love เป็นความรักที่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในวัยรุ่น ซึ่งเป็นความรักที่อยู่ในระดับอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ ความรักชนิดนี้มักเกิดง่ายหายไว อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ความรักระดับอารมณ์นี้ จึงเป็นความรักที่ไม่เที่ยงแท้  เนื่องจากอาจจะมีสิ่งแวดล้อมมาเกื้อหนุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญ ทั้งจากเพื่อนๆ หรือจากอารมณ์อื่นๆ ความรักเช่นนี้ มักจะเกิดขึ้นมากในหมู่วัยรุ่น หากมีเหตุปัจจัยใหม่ เช่นพบคนใหม่สวยกว่า หล่อกว่าคนเก่า หรือเพื่อนเชียร์คนใหม่ หรือห่างเหินจากคนเก่า ก็จะสามารถเปลี่ยนใจไปชอบคนใหม่ได้ง่าย อาจกล่าวได้ว่า ความรักระดับนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว เพราะยังเป็นรักที่ไม่ได้เกิดมาจากจิตส่วนลึกในระดับจิตใจ หรือจิตวิญญาณ เราจะพบความรักระดับนี้ได้ในหมู่วัยรุ่นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน   ซึ่งความรักระดับนี้ถือว่ามีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดความรู้สึกมีชีวิตชีวา มีกำลังใจ มีความหวัง และมีความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในชีวิต


  1. เป็นความรักที่เกิดในระดับจิตใจ( Mind fullness)เป็นรักที่เข้าใจในรัก เป็นความรักชนิดที่มีการปรุงแต่งในระดับจิตใจ เป็นความรักที่มีความรับผิดชอบเป็นที่ตั้ง อาจเป็นความรักที่พัฒนามาจากความรักขั้นที่ ๑ แต่ยังไม่ได้เป็นรักชนิดที่ผุดโพลงออกมาจิตวิญญาณ ซึ่งถือว่าความรักระดับจิตใจนี้ เป็นความรักระดับมาตรฐานของคนส่วนใหญ่ และจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ในการที่จะทำให้ครอบครัวยึดมั่นในความรักนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ครอบครัวยังมั่นคงและตั้งอยู่ได้
  2. เป็นความรักที่เกิดในระดับจิตวิญญาณ ( Spiritual love )  เป็นความรักอันเป็นจุดประสงค์ของชาติภพ  ความรักชนิดนี้ เป็นความรักชนิดที่ผุดโพลงออกมาจากจิตวิญญาณ เป็นรักที่เป็นไปตามสัญญากรรม อันลึกซึ้งข้ามภพข้ามชาติ เรียกว่าเป็น บุพเพสันนิวาสตัวจริง ซึ่งในแง่มุมของสัจธรรม หมายถึงคนที่เคยแต่งงานกัน ทำบุญทำกรรมมาด้วยกัน นับล้านภพนับไม่ถ้วนชาติ  เป็นรักแท้ที่หยั่งรากลึกในระดับสูงสุดรวมกันในทุกระดับของความรัก เรียกได้ว่าเป็นรักตั้งแต่ระดับอารมณ์ในขั้นที่ ๑  รักระดับจิตในขั้นที่ ๒  และรักระดับที่ ๓ รักระดับวิญญาณรวมกันทั้งหมดเลยทีเดียว เป็นรักที่มีความผูกพันทางวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงมีพลังแห่งพรหมลิขิตรุนแรง และมีกำลังมากกว่ารักในระดับอื่นๆ  ถือว่าเป็นบุพเพสันนิวาสจริงของคนที่อยู่ในกลุ่มพรหมจุติ หรือกลุ่มที่มีความซับซ้อนของชาติภพมากกว่าบุคคลทั่วไป  หากเป็นกลุ่มที่มีภพชาติไม่ซ้ำซ้อนมากนัก แค่ความรักระดับ๑ และระดับที่ ๒ ก็พอที่จะทำให้ชีวิตผ่านไปได้อย่างราบรื่น  แต่ในทางตรงกันข้าม ในแง่มุมของจิตวิญญาณ คนที่มีภพชาติซ้ำซ้อนนั้น การได้แต่งงานกับบุพเพ สันนิวาสตัวจริงถือเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงชะตาชีวิตให้ผ่านไปได้ด้วยดี ตามสัญญากรรมในพรหมลิขิต หากคนเรามีโอกาสได้เรียนรู้ และมีความเข้าใจเรื่องของกรรมสัมพันธ์ เราก็จะมีความระมัดระวัง ในการเลือกคู่กันมากขึ้น ไม่ติดในกิเลส ตัณหา และอุปาทาน จนขาดสติยั้งคิด  กลายเป็นความใคร่พาไป ดังนั้นเราจึงไม่ควรเลือกคู่เพียงแค่ถูกใจ และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้คำนึงถึงจิตวิญญาณ  บางคนแต่งงานไปก่อนกับเจ้ากรรมนายเวรบ้าง หรือบางคนเกิดไปแต่งงานกับบุพกรรมบ้าง บางคนได้แต่งงานหรือกำลังคบอยู่กับบุพเพสันนิวาสตัวจริงอยู่แล้ว แต่ถูกเจ้ากรรมนายเวรดลใจให้ไปหลงรักบุคคลที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรก็มี จนต้องเลิกรากับเนื้อคู่ตัวจริงไป  ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่มากเหมือนกัน เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราพึงต้องศึกษาหาความรู้ เพื่อนำความรู้เหล่านั้นไปบริหารจัดการชีวิตของเราให้สอดคล้องกับพรหมลิขิต  และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ในเรื่องของความรักซ้ำซ้อน จนทำให้เกิดเป็นความวุ่นวาย ซึ่งมีให้เห็นเป็นตัวอย่างมากมายในสังคมปัจจุบัน