สำนักสหปฏิบัติฯ

     พลังปราณ ได้แก่เคมีปราณที่พบได้นธรรมชาติทั่วไป และชีวปราณในสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่าชีวปราณโดยเฉพาะชีวปราณซึ่งเป็นพลังที่เกิดจากพลังทางไฟฟ้าที่พัฒนาให้เพิ่มขึ้นได้โดยการใช้สังขาร พลังปราณสามารถพบได้ทั้งพลังปราณภายในตัวเรา และรวมทั้งพลังปราณจากภายนอกจากบุคคล ในวัตถุอื่น ตลอดจนพลังปราณในสถานที่ต่างๆ ก็สามารถส่งผ่านเข้ามา ผสมผสานกับพลังปราณภายในตัวเราได้ พลังปราณส่วนใหญ่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย อีกทั้งพลังปราณยังสามารถถ่ายทอดไปสู่วัตถุ และสถานที่ต่างๆได้ เช่นการปลุกเสกพระเครื่องตลอดจนของขลังต่างๆ รวมทั้งพลังปราณที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆที่เราเคยเข้าไปสัมผัสเป็นต้น
     ราศี เกิดจากขบวนการเมตาบอริซึมหรือขบวนการสันดาปให้เกิดพลังงานเมื่อจิตเริ่มนิ่ง รวมถึงพลังงานความร้อนในร่างกาย พลังงานนจล พลังงานศักดิ์ถึงภายในกระดูก ความดันโลหิต ค่าความเป็นกรดด่างในเลือด และปฏิกิริยาอีเลทโตรไลท์ในร่างจนเกิดการเรืองแสงออกมาให้เห็นในรูปแบบของราศีที่ผิวหนัง
     รัศมี ทั้งนี้เมื่อฝึกสมาธิกรรมฐานภาวนา จนจิตนิ่ง ดิ่งลึกลงไป ร่างกายจะหลั่งโฮร์โมน endorphin หรือที่เราเรียกว่าฮอร์โมนแห่งความสุข มาปรับสมดุลร่างกายและจะกระตุ้นให้สารอีเลทโตไลท์ สารเคมีในร่างกายทำงานเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มให้พลังปราณหรือรัศมีของเราสูงขึ้น เกิดเห็นเป็นราศีที่บริเวณผิวหนังในเริ่มแรก จากนั้นก็จะเห็นเป็นแสงแผ่ออกเป็นวงรัศมีในรัศมีประมาณ ๘-๑๐ ฟุตรอบร่างกาย ในลักษณะ ๓ มิติ จนทำให้เกิดการเรืองแสงจากตัวเรา ออกมาให้เห็นในรูปแบบของราศี รัศมี และรังสีในที่สุด ทั้งนี้รัศมีจะเพิ่มสูงขึ้นได้  ถ้าเรามีการฝึกจิตและปฏิบัติสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอ  เมื่อจิตนิ่งร่างกายของเราจะเกิดความสมดุลและจะมีการหลั่งโฮร์โมน endorphin หรือที่เราเรียกว่าฮอร์โมนแห่งความสุข มาปรับสมดุลในร่างกาย ขณะเดียวกันก็จะกระตุ้นให้สารอีเลคโตรไลท์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่เรีองแสงในร่างกายของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มให้พลังปราณหรือรัศมีของเราสูงขึ้น ทำให้เห็นเป็นราศีที่บริเวณผิวหนังในเริ่มแรก จากนั้นก็จะเห็นเป็นแสงแผ่ออกเป็นวงรัศมีระยะประมาณ ๘-๑๐ ฟุตรอบร่างกาย ในลักษณะ ๓ มิติ ในทางวิทยาศาสตร์เราเรียกรัศมีที่แผ่ออกมารอบๆตัวเรานี้ว่า “แสงออร์ร่า” (Aoura Light) นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสำรวจรัศมีที่แผ่ออกมาจากตัวเราด้วยกล้องคลอเรียล พบว่าลักษณะของรัศมีที่ตรวจพบได้นั้น มีทั้งที่เป็น รูปไข่ รูปทรงกลม รวมทั้งลักษณะที่เป็นเปลวเพลิง โดยรัศมีที่ตรวจพบนั้นจะมีสีต่างๆกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์หรือฌานของบุคคลนั้นๆว่าอยู่ในอารมณ์ใด รูปแบบและสีของรัศมีก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์หรือระดับฌานนั้นๆ จนในที่สุดรัศมีในตัวเราก็จะสามารถพุ่งออกไปไกลขึ้นจนเกิดเป็นรังสีได้ในที่สุด  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความละเอียดในความรู้ของจิต ซึ่งอยู่ในองค์ฌานและองค์ญาณที่ปฏิบัติได้ โดยรัศมีที่ตรวจพบนั้นจะมีสีที่ตรวจพบได้ในกล้องสีต่างๆกันขึ้นอยู้กับอารมณ์ของบุคคลผู้นั้น
          รังสี เมื่อปฏิบัติสมาธิจนได้องค์ฌาน องค์ญาณที่สูงขึ้นในที่สุดรัศมี สามารถพุ่งออกไปไกลขึ้นจนเกิดเป็นรังสีได้ในที่สุด ทั้งนี้ความเร็วของรังสี หรือคลื่นวิญญาณนี้จะเร็วกว่าแสงมากทำให้เทคโนโลยีในปัจจุบันไม่สามารถตรวจจับได้ ความเร็วและความไกลของรังสีที่พุ่งออกมานั้นขึ้นอยู่กับกับความละเอียดและความรู้ของจิตในองค์ฌาน องค์ญาณที่ปฏิบัติได้ยิ่งฝึกได้มากยิ่งเร็ว และไปได้ไกลมาก