สำนักสหปฏิบัติฯ


         โดยหลังเกิดปฏิสนธิ และปฏิสนธิจิตเริ่มทำงาน จิตจะเริ่มรับรู้หรือผัสสะสิ่งต่างๆจากอายตนะทั้ง ๖ ทั้งจากการฟัง การมอง แต่เมื่อพิจารณาอายตนะทั้ง ๖ แล้ว หากเราต้องการที่จะเจาะลึกจิตให้ถึงระดับวิญญาณ เรียกว่าเจาะให้ถึงวิญญาณด้วยวิธีธรมดาธรรมชาติ การฟังนั้นเห็นจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าวิธีการมองด้วยตาหรือวิธีอื่นๆ โดยเฉพาะการใช้ถ้อยคำในอัครวิธีหรือการใช้ไวพจน์หรือวจีที่ลึกซึ้งกินใจ การพูดไวพจน์ที่ใช้สำนวนโวหารจะทำให้ผู้ฟังเกิดผัสสะแล้วเปลี่ยนเป็นจินตภาพ คิดตามและจินตนาการต่อเนื่อง ก็จะก่อเกิดเป็นสมาธิได้ง่าย ยิ่งเรื่องที่ได้ฟังเป็นเรื่องที่มีความศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นเรื่องระดับวิญญาณ เช่นเรื่องธรรม เรื่องพุทธประวัติหรือเป็นการเล่นคำคมธรรม โวหารที่ลึกซึงกินใจ สละสรวย หรือสะเทือนอารมณ์  ซึ่งจะก่อให้เกิดเป็นมโนสัญญา อันจะมีโอกาสที่ทำให้จิตผู้ฟังถูกสะกิด หรือกระเทาะล้ำลึกลงไปเร้าอารมณ์ จนเข้าถึงอาเวกในเวทนา จนถึงส่วนลึกสุดของสังขาร และก็จะมีโอกาสลงลึกเข้าไปในระดับจิตใต้สำนึกหรือระดับวิญญาณในระดับเวรกรรมได้ ยิ่งผู้ฟังนั้นมีหูไว ตาไว มีไหวพริบ มีจิตนิ่งระดับวิญญาณตีความแตกฉาน หรือมีกรรมสัมพันธ์กับผู้เล่าด้วยแล้วจะยิ่งเพิ่มโอกาสการเข้าถึงระดับวิญญาณหรือเข้าถึงวิบากกรรมได้เร็วขึ้น เราสามารถชดใช้กรรมกัน รวมทั้งมาช่วยตัดกรรม ด้วยวิธีการใช้วจีกรรมจะสามารถทำได้มากกว่าการผัสสะทางตาหรือทางอายตนะอื่นๆ วิธีนี้เท่ากับเป็นการให้อาหารกรรม หรืออาหารวิญญาณ ทำให้วิญญาณมีกำลัง การใช้กรรมด้วยการเร้าอารมณ์ด้วยวิธีนี้ถือเป็นทางลัดในการใช้กรรม หากเราใช้ถ้อยคำธรรมดาก็จะไม่สามารถเข้าไปสะกิดถึงวิญญาณได้ ก็ย่อมเข้าไปไม่ถึงขั้นวิบากกรรม เช่นเดียวกับการใช้ตามองพิจวัตถุนั้นต้องขึ้นกับจริตของแต่ละคนด้วย เช่นมองงานพุทธศิลป์ งานศิลป์ทั่วไป ตลอดจน มองภาพวาดที่ต้องอาศัยจินตนาการประกอบก็จะพอช่วยได้ ถึงกระนั้นการที่เราจะมองสิ่งใดจนกิดเป็นสมาธิและเข้าถึงเวทนา ถึงอาเวก จนถึงวิบากกรรมได้นั้น ย่อมยากกว่ามาก เพราะจิตต้องการภาพที่ชัดเจนถูกต้อง โอกาสเห็นภาพแล้วเกิดเป็นสัจธรรมจึงยาก เมื่อจิตเข้าสู่เวทนา อาเวก และลึกสู่วิบากกรรมได้จนเป็นนิจ จิตผู้ฟังก็จะเริ่มพัฒนาสู่ความสว่างคือมีความเมตตา จิตเริ่มสะอาดคือมีความกรุณา และเริ่มเป็นจิตที่สงบนั่นคือมีมุทิตา จนพัฒนาสู่พรหมวิหารธรรมครบ ในที่สุดก็จะสามารถจินตภาพได้ครบ แล้วนำไปใช้ต้านกรรม บำบัดอารมณ์ในระดับลึกๆได้  สำหรับอุปสรรคในการก้าวสู่สมาธิธรรมในขั้นนี้ก็คือ มิจฉาทิษฐิ และนิวรณ์ จะเป็นตัวปิดกั้นตัวแรก บางคนอดทนน้อยเมื่อฟังถ้อยคำที่หยั่งลึก คะเนกว้างแล้วรู้สึกอึดอัดไม่ทันใจ ก็จะไม่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณหรือจุดของเวรกรรมได้ โดยเฉพาะตัวปิดกั้นจิตตัวใหญ่และสำคัญที่สุดคือ กามฉันทะ เช่น การกระทำกิจโดยหวังสิ่งตอบแทน จะถือเป็นตัวปิดกั้นหลัก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการปิดกันการเข้าถึงวิบากกรรม และการพัฒนาอารมณ์สู่เทวะในองค์ฌาน และการใช้วจีกรรมสู่ธรรมในระดับองค์ญาณต่อไป