สำนักสหปฏิบัติฯ

           เรื่องของความรักในพระพุทธศาสนาต่างจากความรักใคร่ทางกิเลสกามอยู่มากนัก เพราะหากเรามีเข้าใจผิดคิดว่าความใคร่คือความรักหรือใช้ความใคร่นำความรักโอกาสตัดสินใจผิดในชีวิตย่อมมีสูง ความรักที่แท้นั้นต้องเกิดมาจากข้างใน หรือจากระดับวิญญาณเป็นหลัก แล้วค่อยมีอารมณ์ มาร่วมทีหลัง เรียกว่าใช้ความรักนำส่วนอารมณ์ใคร่เป็นเพียงสิ่งประกอบเท่านั้น จึงจะเป็นรักที่มีผลต่อพรหมลิขิตในชาติภพ ความรักในพระพุทธศาสนาแท้จริง เทียบได้กับความรักความเมตตา คอยส่งความปารถณาดีให้ซึ่งกันและกัน ปราศจากจิตคิดร้าย ผลประโยชน์แอบแฝง ในพรหมลิขิต ชะตาถูกกำหนดมาต้องมาเผชิญต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค ชีวิตจะรุ่งเรืองมากหรือน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตของแต่ละคน หรือหมายถึงปริมาณบุญเก่าของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันโอกาสแห่งความสำเร็จของแต่ละคนจึงต่างกันด้วย คนที่บุญมากชีวิตย่อมดูสวยงาม ชีวิตสะดวกสบายมีความพร้อมความสุขนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเราประสงค์ที่จะต่อสู้ชีวิตในชาติภพนี้ของเราจะด้วยการอธิฐานขอหรือด้วยการฉ้อโกงมาจนชีวิตจริงสูงเกินพรหมลิขิตที่กำหนดมา ในขณะที่บุญเรามีอยู่เท่าเดิม ชีวิตเราก็มีโอกาสต้องตกต่ำในด้านอื่นเพื่อชดเชยให้กับเจ้ากรรมนายเวรในชีวิตส่วนที่ได้เกินไป เช่น สุขภาพที่เคยแข็งแรงกับต้องมาอ่อนแอลง เพื่อให้บุญสมดุลกับบาปที่เรามีอยู่นั้น หากเรามีความประสงค์ที่จะให้ชีวิตเราให้สูงกว่าพรหมลิขิตโดยที่ไม่ต้องการให้ชีวิตด้านอื่นทรุด หรือตกต่ำ เราต้องเพิ่มบุญหรือที่เรียกว่าเพิ่มความรัก ความเมตตา เพิ่มสติปัญญาให้รู้แจ้งแทงตลอด เพื่อให้ชีวิตดีขึ้นหรือที่ว่ารวยขึ้นโดยที่ชีวิตด้านอื่นเช่นสุขภาพไม่ตกลงมา เราก็สามารถชดเชยได้ด้วยการพัฒนาความรักความเมตตาของเราให้สูงที่สุด สู่ความรักความเมตตาระดับอัปมัญญาพรหมไปทดแทน ก็เท่ากับเราได้เสริมชีวิตในทุกๆด้านไม่ให้ตกต่ำ นั่นคือหากคนเรามีรักระดับอัปมัญญาพรหม ก็คงไม่ต้องห่วงเรื่องยากจน ไม่ต้องกลัวเจ็บไข้ เพราะจิตคนที่เข้าถึงอัปมัญญาพรหม เป็นภาวะจิตที่พร้อมดึงบุญเก่ามาเสริมเติมเต็มในชาตินี้ ชีวิตจึงมีแต่ดีขึ้น และยากที่จะทรุดลง