สำนักสหปฏิบัติฯ

        ปัจจุบันมีการประกอบพิธีกรรมกันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ถึงแก่นแท้ของพิธีกรรมว่าทำไมจึงต้องประกอบพิธีกรรม เป็นความจริงที่ว่าพิธีกรรมนั้นมีประโยชน์สำหรับตน ประโยชน์ท่านและประโยชน์ร่วมซึ่งมีความหมายรวมกันหมดทั้งในส่วนของทางนอกและทางใน เพราะทุกครั้งที่ท่านไปร่วมพิธีกรรมต่างๆ เทวดาในขันธ์๕ที่เรียกว่าคนธรรพ์ก็ย่อมร่วมอยู่ในพิธีด้วย นอกจากนี้เราควรอฐิษฐาน อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือวิญญาณนอกขันธ์๕ ที่อาจเป็นเทพยดาภาคต่างๆ รวมทั้งบริวารของคนธรรพ์ ให้เข้ามาร่วมในพิธีกรรมนั้นๆด้วย ในขณะเดียวกันเราควรมีตัวรู้ด้วยว่าในแต่ละพิธีนั้น ความหมายของคำว่า “เหนือสามัญวิสัย” นั้นหมายถึงอะไร มีวิธีการหรือมีความหมายกับกลไกกรรมของเราอย่างไร เกี่ยวพันกับเราและคนที่ไปร่วมงานพร้อมเราแบบไหน และเราสามารถที่จะชดใช้กรรมผ่านการประกอบพิธีกรรมนั้นๆร่วมกันได้อย่างไร  คนส่วนใหญ่ประพฤติปฏิบัติสืบทอดการประกอบพิธีกรรมกันมาจนเป็นประเพณี  แต่ในปัจจุบันหลายคนเริ่มมองว่าการประกอบพิธีกรรมต่างๆนี้เป็นเรื่องของความงมงาย เมื่อมาเกี่ยวพันกับพระพุธศาสนา ดังนั้นจึงทำให้คนมองพระพุทธศาสนาผิดไปจากแก่นของความเป็นจริง อย่างไรก็ตามพิธีกรรมต่างๆก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาไว้  เพื่อให้ผู้คนทั่วไปเห็นเป็นรูปธรรม ทำให้จำง่าย รักษาง่ายไม่สูญหาย และเพื่อคงไว้แห่งผลจากพิธีกรรมให้คงอยู่  อีกทั้งยังเป็นประโยชน์กับพุทธศาสนิกชน ในการปฏิบัติกิจทางศาสนาร่วมกัน เพื่อชดใช้กรรมเก่าเกี่ยวเก่าที่เคยทำมาร่วมกัน ตลอดจนทำให้เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาในส่วนของเรื่องที่อยู่ในสิ่ง “เหนือสามัญวิสัย”ไปได้มาก ดังนั้นศรัทธาจึงต้องควบคู่กับปัญญาเสมอ เพราะปัญญาจะทำให้การประกอบพิธีมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด  หากให้จัดลำดับประสิทธิผลที่ได้ คนที่มีศรัทธาและมีตัวรู้ในวิธีการซึ่งได้เข้าร่วมในพิธี จะได้ประสิทธิผลมากกว่าคนที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างเดียว แต่ไม่ได้เข้าประกอบพิธีกรรม  และมีประสิทธิผลมากกว่าคนที่ปฏิบัติพิธีกรรมโดยมีศรัทธาอย่างเดียวแต่ไม่มีตัวรู้ ตามลำดับ  เมื่อเราเข้าใจหลักพระพุทธศาสนาที่แก่นแท้ของการปฏิบัติแล้ว เราก็จะไม่ไปยึดติดพิธีกรรมที่เปลือกนอก และสามารถแก้ไขพลิกแพลงสถานการณ์ให้เหมาะสมได้ตามความเป็นจริง